Wednesday, February 6, 2008

ดูแลผิวสำหรับสาวผิวแห้ง

ดูแลผิวสำหรับสาวผิวแห้ง
คนผิวแห้ง ผิวหนังชั้นบนจะขาดความชุ่มชื้น หลังล้างหน้าจะรู้สึกหน้าตึง ผิวส่วนแก้มไปจนถึงคางอาจแห้งมากเป็นพิเศษ
บางรายอาจแตกเป็นลายงา คนผิวแห้งจะมีปัญหาของริ้วรอยได้ง่ายกว่าผิวชนิดอื่นค่ะ จึงต้องดูแลเป็นพิเศษ

ดูแลผิวหน้าสำหรับสาวผิวแห้ง
สิ่งสำคัญก็คือ ควรล้างหน้าให้เบาสุดชีวิต หลีกเลี่ยงการใช้โลชั่นเช็ดผิว ซึ่งอาจทำให้ผิวแห้งมากขึ้น สบู่ที่ใช้ควรเลือกชนิดที่ระบุว่าเป็นสบู่อ่อน สบู่ไร้ฟอง หรือสบู่ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ซึ่งจะทำให้รู้สึกลื่น ๆผิวหลังล้างหน้า
ครีมบำรุงผิวหรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์จำเป็นสำหรับผิวคุณค่ะโดยทาทุกครั้งที่ล้างหน้า เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
หลีกเลี่ยงการใช้โทนเนอร์ชนิดที่มีแอลกฮอล์ ซึ่งจะทำให้หน้าแห้งมากขึ้น อย่างไรก็ตามคนผิวแห้งก็มีข้อดีนะคะ เพราะรูขุมขนจะกระชับ ทำให้ใบหน้าดูเรียบเนียนไม่ค่อยมีปัญหาใบหน้ามันย่อง จนทำให้แต่งหน้าไม่ติดทนเหมือนคนผิวมันหรือผิวผสมค่ะ

การอาบน้ำ
นอกจากจะเพิ่มความหมดจดให้กับผิวแล้ว ยังช่วยถนอมผิวให้สดใสเปล่งปลั่งขึ้นอีกด้วยค่ะ แต่สำหรับคนผิวแห้งควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น และไม่ควรอาบน้ำเกิน 2 ครั้งต่อวันนอกจากในวันที่อากาศร้อน เหงื่อออกเยอะ อาจจะอาบเพิ่มได้ แต่เลือกฟอกสบู่เฉพาะบริเวณที่มีต่อมไขมันสูง เช่นแผ่นหลัง หรือหน้าอก และใช้เวลาในอาบน้าให้น้อยที่สุด
สบู่ที่ใช้ควรเป็นสบู่อ่อน และมีสารเพิ่มความชุ่มชื้น .หลังอาบน้ำเสร็จแล้ว อย่าลืมทาครีมบำรุงผิวด้วยค่ะ โดยเฉพาะตามแขนขา ซึ่งจะแห้งเป็นพิเศษ เพราะมีต่อมไขมันค่อนข้างน้อย

การแต่งหน้า
คนผิวแห้ง ก่อนที่จะทารองพื้น ควรทาครีมบำรุงผิว เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นก่อน ซึ่งจะช่วยลดการหลุดลอกของขุยและรองพื้นบนใบหน้า และยังทำให้เกลี่ยได้เนียนขึ้นด้วย
บลัชออนชนิดครีม จะเหมาะมากกับคนผิวแห้ง เพราะมีส่วนผสมของน้ำมันผสมอยู่ ทำให้ติดแก้มได้นานขึ้น
วิธีใช้ ก็คือ ใช้ปลายนิ้ว ลูบบลัชออนชนิดครีม เป็นวงกลมโดยเริ่มจากจุดสูงสุดของโหนกแก้ม แล้วเกลี่ยขึ้นไปทางขมับ แต่การใช้บลัชออนชนิดนี้ ไม่ควรทาแป้งหนาเกินไป เพราะจะเกลี่ยให้เนียนยากค่ะ

อาหาร 29 ชนิด เพื่อคงความงามให้อยู่ยืนนาน



คงไม่มีผู้หญิงคนไหนปรารถนาที่จะมีตีนกาอยู่บนใบหน้าเป็นแน่ แต่เพราะตัวเลขที่เพิ่มมากขึ้นทำให้เรื่องของริ้วรอยเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้!! อยากให้ริ้วรอยลดเลือนลงไป แถมมีกระดูกที่แข็งแรง และมีพลังมากกว่านี้บ้างมั้ยล่ะ ลองเติมสุดยอดอาหารเหล่านี้ลงในเมนูของคุณดูสิ...สดใสดูอ่อนกว่าวัย Stay looking youngเพียงแค่เลือกรับประทานอาหารที่ว่ามาทั้งหมดนี้ เพียงอย่างน้อย 1 อย่าง เป็นประจำทุกวัน ก็จะช่วยให้เส้นผมดำขลับ เงางาม ผิวพรรณผุดผ่องและดวงตาเป็นประกาย


1. บลูเบอร์รี่ : จากผลการวิจัยพบว่า แอนโทไซยานิน (anthocyanin) สารเม็ดสีในบลูเบอร์รี่ ช่วยในการมองเห็น ขอแนะนำให้คุณลอง ปั่นบลูเบอร์รี่รวมกับนมหรือโยเกิร์ตดู

2. พริกหยวก : ทั้งพริกแดง พริกเขียว และพริกเหลืองต่างมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย น้ำฉ่ำๆ จากพริกหยวกยังจะช่วยให้สุขภาพเล็บแข็งแรง ลองนำพริกไปทำซัลซ่า โดยผสมเข้ากับมะเขือเทศ กระเทียม พริกแดง แตงกว่า น้ำมันมะกอก และน้ำมะนาวดูสิ นอกจากจะได้ประโยชน์มหาศาลจากเหล่าสุดยอดอาหารแล้ว ยังได้อร่อยกับเมนูเด็ดจากฝีมือของคุณเองอีก

3. กะหล่ำปลี : เห็นเขียวๆ ม่วงๆ อย่างนี้รู้มั้ยว่ากะหล่ำปลีนั้นอุดมไปด้วยวิตามินเอ, ซีและเบตาแคโรทีนที่จะช่วยในเรื่องของผิวพรรณ เพียงหั่นกะหล่ำปลีบางๆ แล้วนำลงไปผัดกับขิงและกระเทียม เพียงเท่านี้ก็ได้อาหารมื้อค่ำสำหรับตัวคุณเองแล้ว

4. วอลนัท : ทองแดงในวอลนัทช่วยคงสภาพสีผมของคุณไม่ให้เปลี่ยนสีก่อนวัยอันควร ลองโรยวอลนัทลงบนสลัดหรือโยเกิร์ตก็ไม่เลวนะ

5. แอปริคอท : สารเบตาแคโรทีนในแอปริคอทช่วยชะลอการเสื่อมถอยของเลนส์ตา ช่วยในการมองเห็นได้ดี ใส่แอปริคอทลงไปในสตูว์ไก่ ผสมกับขิงและอบเชยให้ได้กลิ่นอายแบบโมร็อคโค

6. อะโวคาโด : การรับประทานอะโวคาโดช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน และปกป้องผิวจากอันตรายที่เกิดจากแสงแดด เนื่องจากอะโวคาโดอุดมไปด้วยวิตามินอี บดอะโวคาโดโรยหน้าโอ๊ตเค้กเป็นของทานเล่นดูก็ได้

7. สตรอเบอร์รี่ : วิตามินซีและ สารบางอย่างในสตรอเบอร์รี่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของผนังเส้นเลือดผลไม้สีแดงสดทรงเสน่ห์แบบนี้ เพียงแช่เย็นไว้จิ้มกินกับเกลือตอนนั่งดูทีวีก็เพลินดีไม่น้อย

8. เต้าหู้ : หยุดยั้งผิวที่ซีดและแห้งโดยการรับประทานอาหารอย่าง เต้าหู้ เพราะในเต้าหู้มีสารที่จะช่วยคืนสภาพผิวและป้องกันรอยเหี่ยวย่น ลองผัดรวมกับผักกรอบๆ หรือทำเป็นต้มจืดเอาไว้ทานเป็นมื้อเย็นนอกจากจะช่วยคืนสภาพผิวแล้ว ยังช่วยควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี

9. ข้าวโอ๊ต : เต็มไปด้วยเส้นใยที่ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ทั้งยังช่วยลดอาการตึงเครียด จึงทำให้รอยเหี่ยวย่นน้อยลง เพียง โรยข้าวโอ๊ตลงบนมูสลี่ หรือนมอุ่นๆ ใส่น้ำตาลลงไปเล็กน้อยแค่นี้ก็ทานได้แล้ว กระชุ่มกระชวยเหมือนแรกสาว Stay feeling young

10. กระเทียม : สมุนไพรกลิ่นแรงอย่างกระเทียมมีคุณสมบัติป้องกันแบคทีเรีย ล้างพิษ และป้องกันไวรัสจากโรคภัยไข้เจ็บ ตั้งแต่ไข้หวัดไปจนถึงมะเร็ง อาหารไทยส่วนใหญ่มีกระเทียมเป็นส่วนประกอบอยู่แล้ว

11. แครนเบอร์รี่ : ผลไม้มหัศจรรย์ช่วยต้านการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ จากงานวิจัยล่าสุดพบว่ายังช่วยป้องกันโรคเหงือก และแผลในช่องท้องได้ชะงัดอีกด้วย อาจจะทำเป็นแยมไว้รับประทานกับขนมปังหรือทำเป็นซอสแครนเบอร์รี่ไว้ทาไก่หรือเนื้อย่างก็มีประโยชน์ไม่แพ้กัน

12. ลินสีด : ช่วยลดอาการเจ็บตามข้อต่อ เพราะอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ที่ร่างกายใช้ในการสร้างฮอร์โมนที่มีคุณสมบัติป้องกันอาการอักเสบ ลองเติมลงในน้ำปั่นหรือโรยหน้าสลัดดูก็ได้นะ

13. กีวี : วิตามินซีและสารอาหารบางอย่างในกีวีช่วยในการไหลเวียนของออกซิเจน ลดปัญหาเกี่ยวกับระบบหายใจ เช่น โรคหืด หอบ หั่นกีวีเป็นลูกเต๋าเสียบไม้กับมะม่วงหรือกล้วย ทาด้วยน้ำผึ้ง แล้วนำไปย่าง อาจจะได้รสชาติแปลกใหม่ที่น่าลิ้มลอง

14. ลูกพลัม : อุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยป้องกันการถูกทำลายของไขมันซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในเซลล์สมอง นำลูกพลัมไปเคี่ยวกับน้ำส้ม และโรยลงไปบนมูสลี่ หรือจะกินเล่น เป็นขนมขบเคี้ยวก็ไม่มีใครว่า
15. กล้วย : เป็นแหล่งรวมของโพแทสเซียม นอกจากกล้วยจะช่วยในเรื่องของระบบการย่อยอาหารแล้วยังช่วยลดอาการท้องผูก แค่ผสมเข้ากับนม น้ำผึ้ง และอัลมอนด์ ก็จะได้อาหารเช้าที่แสนอร่อย

16. ส้ม : การรับประทานส้มทั้งผลแทนการดื่มน้ำส้มจะช่วยให้ได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ มิหนำซ้ำวิตามินซีในส้มยังช่วยป้องกันและเยียวยาโรคหวัด นอกจากนี้กากของส้มยังช่วยในเรื่องของการขับถ่ายด้วย

17. ข้าวกล้อง : ฮอตฮิต อินเทรนด์กันอยู่พักใหญ่ เพราะอุดมไปด้วยแร่แมงกานีสที่จะช่วยให้พลังงานกับร่างกายโดยการให้โปรตีนและคาร์โบไฮเดรต และยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย ใครที่ไม่ชอบสีจัดจ้านของข้าวกล้องก็สามารถหุงข้าวกล้องรวมกับข้าวสวยได้

18. มะเขือม่วง : เปลือกของมะเขือม่วงอุดมไปด้วยนาซูนิน (nasunin) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยปกป้องสมองของคุณจากการถูกทำลาย เพื่อคงความฉลาดหลักแหลมของคุณไว้ ลองนำมะเขือม่วงไปทำแกง หรือรับประทานกับข้าวกล้องก็อร่อยไม่เบาแข็งแรงได้ใจ Stay healthy!จากการศึกษาพบว่า อะไรก็ตามที่คุณรับประทานเข้าไป มีโอกาสที่จะทำให้โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ดีขึ้นได้ เช่น โรคมะเร็ง หรือโรคหัวใจ เพื่อให้อัตราการเสี่ยงของคุณลดน้อยลง ลองอาหารพวกนี้ดูสิ

19. ลูกพรุน : โพแทสเซียมในลูกพรุนช่วยลดคอเรสเตอรอลในเลือดและลดระดับความดันเลือด ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เป็นต้นเหตุของการเกิดโรคหัวใจ เสิร์ฟคู่กับโยเกิร์ตหรือกินเล่นเป็นของว่างก็ดี

20. คะน้า : ช่วยให้ตับของคุณผลิตเอ็นไซม์ในการต่อต้านมะเร็ง เมื่อคุณเคี้ยวคะน้า จากการวิจัยพบว่าสามารถหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมได้ ฮืม...ม เลือกผัดคะน้าปลาเค็ม เป็นเมนูมื้อกลางวันดีกว่า (อ้อ อย่าลืมทุบกระเทียมลงไปด้วยนะ)

21. ผักโขม : คุณจะได้รับแคลเซียมจากผักโขม ในขณะเดียวกันก็มีแมกนีเซียมที่จะช่วยให้ร่างกายของคุณดูดซึมแคลเซียมได้ดี การรับประทานใบอ่อนของผักโขมในสลัด จะช่วยให้ป้องกันโรคกระดูกเปราะและหักง่ายเนื่องจากขาดแคลเซียม

22. ราสเบอร์รี่ : จากผลการวิจัยพบว่าสารแอนตี้ออกซิเดนท์ในราสเบอร์รี่สามารถยับยั้งการเกิดเนื้อร้ายได้ ลองนำราสเบอร์รี่ไปราดด้วยช็อกโกแลตเหลวแล้วไปแช่เย็นดูสิ

23. ถั่วงอก : สารประกอบ ที่พบในถั่วงอก สามารถช่วยลดระดับไขมันในเส้นเลือด นอกจากนี้ถั่วงอกยังประกอบด้วยสารอาหารในปริมาณสูง ซึ่งจะช่วยเรื่องโรคเล็กๆ น้อยๆ ของสตรีในวัยหมดประจำเดือนถั่วงอกผัดกับเต้าหู้ ทานกับข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยไม่เบา

24. บล็อคโคลี่ : การรับประทานบล็อคโคลี่เป็นประจำ จะช่วยลดอัตราเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจได้ถึง20% และยังมีวิตามินซีที่ช่วยป้องกันการปวดกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อ และโรคไขข้ออักเสบได้ด้วย ลวกใส่ในสลัด หรือผัดกับกุ้งสดก็ไม่เลว

25. บีทรูท : เนื้อของบีทรูทอุดมไปด้วยเบต้าไซยานิน ซึ่งเป็นสารต่อต้านมะเร็ง รับประทานโดยการนำไปตุ๋นหรือย่าง

26. องุ่นแดง : จะช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดเลือดจับตัวเป็นก้อน และดักจับไขมันในเลือดที่จะเป็นอันตรายต่อเส้นเลือดแดงของคุณ ใส่องุ่นแดงลงในสลัดหรือดื่มไวน์แดงสักแก้วระหว่างมื้อค่ำ

27. ปลาที่มีไขมัน : แซลมอน หรือเนื้อปลาชนิดอื่นๆ ที่มีไขมันปนอยู่บ้างนั้น สามารถช่วยปกป้องคุณจากโรคภัยไข้เจ็บมากมาย อีกทั้งโปรตีนในเนื้อปลายังช่วยในเรื่องของสมอง ว่ากันว่าให้เด็กๆ กินปลาแล้วจะฉลาด ปลานึ่ง ปลาย่างราดซอสอร่อยๆ ล้วนเป็นทางเลือกที่ดี

28. มะเขือเทศ : สารไลโคพีนี (lycopene) ในมะเขือเทศจะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ใหญ่ ที่สำคัญช่วยให้ผิวสวยอย่าบอกใครเลยเชียวล่ะเลือกเอาเลยว่าคุณอยากจะใส่มะเขือเทศลงในอาหารอะไรบ้าง

29. หัวหอม : หัวหอมที่มีกลิ่นไม่หอมเหมือนชื่อนี้จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ทั้งยังช่วยในการรักษาและป้องกันโรคเบาหวาน ซอยเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ ใส่ในไข่เจียว หรือซอยใส่อาหารประเภทยำช่วยเพิ่มรสชาติได้ดีทีเดียว

ที่มา : www.tttonline.net

Make up : Make Easy Smoky Eyes

How to make Easy Smoky Eyes

อุปกรณ์เท่านี้คะ

Face : LM primer,LM tinted moisturizer- Nude,Powder LM - Translucent ,Estee creame stick
Eyes : Nars Duo :Pandora,LM Caviar,Loreal Hip - Black,Loreal Volume,Kate eyebrown set
Cheek : Loreal Blush delice - 02 Rosy Cheeks
Lips : Mac - Rouge Flamboyant,Victoria's Secret Lip Gloss - Honey do

หน้าก่อนแต่งคะ ตื่นนอนมาเลย หมองด้วยไม่สบาย หนาวมากๆ ลง Primer ก่อนนะคะ

จากนั้นเอา Estee Stick มันเป็นรองพื้นสีขาวไปเลยเอามาแต้มแพนด้าแทน

เอารองพื้นลง เกลี่ยให้เนียนนะคะ

เอาแปรงแตะแป้งฝุ่นคะ ละก็เคาะ ๆ ส่วนเกิน ๆ ออกมาลูบหน้าให้แป้ง set ตัวเข้ากับรองพื้น

เขียนคิ้วด้วย Kate สีเข้มสุดจากกลางถึงปลาย สีกลางไว้เขียนหัวคิ้ว สีอ่อนไว้แรเงาจมูกจ๊ะ

ไล้ไปธรรมดาเลยคะ

เอาแปรงแตะน้ำนิดหนึ่งจิ่มที่ไข่ปลาละลากให้ได้เส้นสวยๆ ทั้งสองข้างเลยนะ

จากนั้นใช้แปรงจุ่มสีขาวระบายไปด้านบนและแบลนด์สีให้ฟุ่งกระจายทั่วกัน
จากนั้นให้ใช้แปรงเขียนคาเวียร์อีกรอบให้ได้รูป

ใช้ Loreal Hip eyeliner เก็บ Inner และขอบตาล่างด้วยคะ ขอบอกว่าอันนี้ชอบมากนุ่มดี

Loreal นี้ดีมากๆ นุ่มๆ ครีมๆ ไม่แพนด้าจ๊ะ (ไฟในห้องเหลือง..น่ากลัวจัง ลืมปรับสี)

แล้วดัดขนตา 1 - 2 - 3

ปัดด้วย Loreal Volume อันนี้ใช้สี BlackBrown ปัดด้าน primer ก่อนนะจ๊ะ

เช็คดูความเรียบร้อย (ความจริงมองไม่ค่อยเห็นสักเท่าไหร่มันเหลืองไปหมด)

ใช้ Loreal Blush ปัดแก้มเลยคะ ปัดเฉียง ปัดไปมา ไปมาให้เป็นธรรมชาติหน่อย

จากนั้นทาลิป Mac เอาแปรงขยี้ลิปละทาตามด้วย Lip gross กลางๆ พอคะ(ไม่มีรูป ลืม หงะ)

เสร็จคะ ก็เลยเปลี่ยนเสื้อพยายาม Sexy เหอๆ เกือบได้ละคะ

จากนั้นไปอาบน้ำแล้วพบว่า ไม่มีรูปดีๆ เลยจึงต้องมาถ่ายรูปใหม่อีกรอบ เหอๆ

Make up : Purple Cat Eyes

How to Make up: Purple Cat Eyes

เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่าเวลาประมาณห้าโมงเย็นคะ

คิดถึงเจ้า eye shadow พาเลทของ revlon ขึ้นมา

ซื้อมาไม่เคยใช้ไปไหนเลยจริงๆ ปกติไม่ค่อยจะทาตาอยู่แล้วไม่รู้จะซื้อมาทำไม

วันนี้เลยเอามาใช้ทำ cat eyes ในบัทดล



หน้าตาตอน 5โมงเย็น ทาแป้งพับไว้แต่เช้าละจ๊ะ ก็ทาไปอีก นิดนึง แก้มแอบปัดไปนิดนึง

แต่วันนี้ขอเอาแต่ตานะคะ เหอๆ Mini How to แบบมือสมัครเล่นจ๊ะ

อุปกรณ์มีดังนี้คะ

1. LM Caviar

2.Revlon eye shawdow - Stonewash denim

(ตอนซื้อว่ามันเป็นสีแบบฟ้าๆ นะไม่ได้ลอง หยิบๆมาเลย พอมาถึงม่วงคะ...แย่ละใช้ไม่เป็น)

ก่อนทำต้องเขียนคิ้วก่อนนะคะ เอาแบบธรรมชาติตามรูปคิ้วเราไปเลย ใช้พู่กันเตะน้ำหน่อย



อันดับแรก หยิบไข่ปลาขึ้นมาคะ เอาพู่กันจุ่มน้ำหน่อยละก็เขียนไปตามขอบของตา

ฮันนี่ตาโต ชั้นตาชัดอยู่แล้วไม่ต้องเขียนมากคะ เอาแค่หนึ่งในสามของชั้นตาพอ

เดี๋ยวจะกลายเป็นสวยเกินพอดี น่ากลัวไป ตาก็ดุอยู่แล้วด้วย





ตรวจดูความเรียบร้อย





ลากหางตวัดขึ้นเลยคะ ละมาเขียนด้านล่าง เขียนครึ่งหนึ่งของขอบตาล่างพอ ตรวจดูละอย่าลืม Inner




จากนั้นมาดูอายชาโด้เจ้ากรรม เหอๆ สีมันทาละม่วงเลย

ตาโตอย่างฮันนี่ทาไม่สวยเลย ละมันก็วิ้งๆ ด้วย จอดสนิทเลยคะ




เอาสีเบอร์ 1 ซึ่งอ่อนที่สุดใช้ คัตเติ้ลบัต นะ เอาลากไปเส้นขอบตาล่าง จากหัวตายังท้ายตาเลย



อีกข้างหนึงก็ด้วยนะคะ เฮะๆ กลัวทำข้างเดียว คริๆๆๆ





ละฮันนี่ก็เอาสีเบอร์สองมาทาชั้นพับที่ตาด้านบน ตรงชั้นใหญ่ๆ ที่เรียกว่าเบ้าตา
นิดๆ หน่อยๆ สีได้กลืนๆกันกับชั้นล่าง





มาตรวจดูความเรียบร้อยอีกทีนะคะ อันไหนสีหายก็เติมไป มากไปก็เอาคัตเติ้ลบัต ม้วนๆ ออกไป









ดัดขนตาสะ ละทามัสคาร่า พอดีว่าไม่ได้ถ่ายรูปมา ละฮันนี่ก็ปัดไม่เด้งเอาสะเลย

คือเย็นละไง ไม่ได้ไปไหนด้วย เลยขี้เกียจจะล้างแล้ว สรุปว่า เสร็จแล้ว

มาดูรูปกันเลย ปากทาวาสลีนไว้คะ เหอๆๆๆ ดูแต่ตาละกันนะจ๊ะ











ภาพต่อไปจากนี้ ดวงตาไม่ได้ใส่คอนแทคเลนส์แต่อย่างใดคะ

อยากมีสีตาแบบแมว เลยใช้ photoshop ไป

















ขอให้มีความสุขกับการแต่งหน้านะคะ